วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การโกหกครั้งใหญ่ในลอนดอน


เมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน คนทั่วทั้งกรุงลอนดอนเคยถูกหลอกชนิดยกเมืองมาแล้ว การหลอกลวงครั้งนั้นถูกขนานนามว่า “การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่” ชนิดที่โลกต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน และถือว่าเป็นต้นแบบการหลอกลวงที่สร้างความโกลาหลอลเวงกับไปทั้วทุกชนชั้น ตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงพวกชนชั้นสูงระดับนายธนาคาร หรือกระทั่งนายกเทศมนตรีของกรุงลอนดอนเลยทีเดียว
และที่ต้องยกให้เป็นการโกหก “เหนือชั้น” เพราะคนที่สร้างเรื่องโกหกระดับหลอกคนทั้งเมืองได้นั้น กลับไม่ถูกการลงโทษใด ๆ เลย ทั้งที่เรื่องที่สร้างขึ้นมานั้น สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมือง
เรื่องราวโกหกที่ต้องบันทึกไว้เป็นตำนานนี้ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1810 หรือราว ๆ พ.ศ. 2350 (เวลานั้นตรงกับช่วงต้น ๆ ของกรุงรัตนโกสินทร์ของเรา)
สาเหตุจากเรื่องราวการโกหกครั้งสำคัญนี้เกิดจากการ “เดิมพัน” ด้วยเงินมูลค่า 1 กินนี ระหว่างธีโอดอร์ ฮุค กับ แซมมวล บีซลีย์ เท่านั้น
สำหรับเงินมูลค่า 1 กินนีนั้น ในยุค ค.ศ. 1660 ถึง 1813 นั้น ถือเป็นเงินอังกฤษแบบหนึ่งซึ่งเป็นเหรียญทาง มีมูลค่าราว 21 ชิลลิง ถ้าเทียบเป็นเงินปอนด์ก็ราว ๆ 1 ปอนด์ กับ 1 ชิลลิง เทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 50 กว่าบาท แต่ในยุคเกือบสองร้อยปีก่อน น่าจะถือว่าเป็นเงินมากมายมหาศาลพอสมควร (ถ้าเทียบกับมูลค่าของค่าเงินปัจจุบันน่าจะตกอยู่ที่หลายหมื่นบาท)
เงินจำนวนดังกล่าวถือว่าสมราคาพอที่จะเป็นเหตุจูงใจให้สร้างเรื่องหลอกลวงคนทั้งเมืองได้ ซึ่งธีโอดอร์ และแซมมวลท้าพนันกันด้วยเงื่อนไขที่ประหลาดที่สุดในโลก เงื่อนไขที่ว่านี้ก็คือ “ธีโอดอร์จะใช้ความสามารถในการทำให้บ้านหลังหนึ่งในกรุงลอนดอนต้องเป็นที่พูดถึงและจดจำกันไม่ลืมเลือน โดยที่การกระทำดังกล่างนั้นจะต้องใช้เวลาภายใน 1 สัปดาห์ เท่านั้น”
เป็นเรื่องยากลำบากพอใช้ แต่มันก็เป็นเรื่องเด็ด ๆ ที่ท้าทายความสามารถของธีโอดอร์อยู่ไม่น้อย ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ การที่เขาเป็นนักเขียนบทตลกในละครโอเปร่าจนโด่งดังนั้น ไม่ได้เป็นหลักประกันสักเท่าไหร่ในเงื่อนงำการพนันบรรลือโลกครั้งนั้น แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธ
เขารับคำท้าของแซมมวลเอาไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่มีเวลาแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น และนั่นเป็นที่มาให้เขาตั้งหน้าตั้งตาเขียนจดหมายไปยังบุคคลต่าง ๆ ทั้วกรุงลอนดอนเป็นจำนวนมากมายหลายร้อยฉบับ (บางแหล่งข้อมูลระบุไว้ว่า เขาเขียนและส่งจดหมายไปมากมายถึง 4,000 ฉบับในเวลาน้อยกว่า 1 อาทิตย์เท่านั้น
แต่ไม่ว่าจำนวนจดหมายจะอยู่ที่เท่าใดกันแน่ สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ จดหมายเหล่านั้นส่งไปถึงมือของผู้รับทั้งสิ้น และนั่นคือส่วนผสมที่สำคัญที่ทำให้เกิด “เหตุการณ์บันลือโลก ขึ้นมาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1810″
สำหรับเนื้อความในจดหมายนั้น เป็นเรื่องที่ผู้อ่านทุกคนที่ได้รับต้องให้ความสนใจ และใจจดใจจ่อที่จะทำตามช้อความที่เขียนไว้ ตามวันและเวลาที่กำหนดในจดหมาย ซึ่งคาดว่าธีโอดอร์น่าจะเขียนถึงผู้รับที่มีอาชีพแตกต่างกันออกไป โดยอาศัยเงื่อนไข “ความแตกต่างของธุรกิจ” สำหรับผู้รับแต่ละรายลงไป และต้องเป็นเงื่อนไขที่จูงใจมาก
ตัวอย่างเช่น ถ้าเขียนถึงผู้ที่มีอาชีพทำความสะอาดปล่องไฟตามบ้าน ก็บอกว่าอยากติดต่อให้มาทำความสะอาดปล่องไฟ โดยให้ราคาสูงกว่าตลาด ระบุวันที่ 10 พ.ย. ค.ค. 1810 เอาไว้ชัดเจน
หรือถ้าเขียนไปยังพ่อค้าปลาสดในตลาด ก็บอกว่าอยากให้นำปลาชนิดที่ดีที่สุดมาส่งให้ที่บ้าน ในวันที่ 10 พ.ย. ค.ค. 1810 โดยจะให้ราคาอย่างงาม
ธีโอดอร์เขียนจดหมายทำนองนี้ไปยังพ่อค้าและนักธุรกิจจ่าง ๆ ทั่วลอนดอน โดยระบุวันที่เอาไว้เป็นวันที่ 10 พ.ย. ค.ค. 1810 พร้อมกันนั้นก็ระบุเวลาเอาไว้โดนไล่กันตั้งแต่ 9 โมงเช้าเป็นต้นมา
สำหรับเรื่องเวลานั้น มีที่สังเกตว่าเขาได้จัดสรร หรือแบ่งเวลาเอาไว้โดยกะให้พ่อค้าหรือผู้รับจดหมายต่าง ๆ ทยอยกันมาตั้งแต่ 9 โมงเช้าเป็นต้นไป และนั่นคือบรรดาจดหมายต่าง ๆ ที่ส่งไปยังพ่อค้าและนักธุรกิจสาขาต่าง ๆ ทั่วลอนดอน
เรื่องราวโกลาหลยังไม่จบแค่นั้น เพราะเขายังเขียนจดหมายคล้าย ๆ กันนี้ส่งไปยังบุคคลระดับสูง ๆ เช่น ผู้ว่าการธนาคารใหญ่ในลอนดอน กระทั่งนายกเทศมนตรีของกรุงลอนดอนก็ตกเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งสังฆราชาของแคนเตอเบอรี่ก็ตกเป็นเหยื่อ หรือแม้แต่รัฐมนตรีในคณะรัฐบาล หรือท่าดยุคผู้สูงศักดิ์ก็ตกเป็นเป้าหมายการเดิมพันครั้งนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยง เพียงแต่ว่าบุคคลระดับวีไอพีดังกล่าวนั้นเป็นพวกที่มายังบ้านเป้าหมายในช่วงเวลาราว ๆ เที่ยงวัน ซึ่งเหลื่อมเวลากว่าพวกพ่อค้าหรือนักธุรกิจไปบ้างเท่านั้น
บ้านที่เป็นที่หมายปลายทางที่ถูกระบุไว้ในจดหมาย คือบ้านของคุณนายท็อตแน่ม ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 10 ถนนเบอร์เนอร์ส (บางแหล่งบอกว่าบ้านเลขที่ 54) ในเขตเวสมินเตอร์ ในมหานครลอนดอน อันใหญ่โต
เรื่องจริงที่น่าเศร้าคือ คุณนายท็อตแน่มนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวแม้แต่น้อย แถมยังไม่ได้รู้จักกับธีโอดอร์หรือแซมมวล ผู้ท้าพนันประหลาด ๆ นั้นด้วยซ้ำไป เธอจึงถือได้ว่าตกเป็นเหยื่อของการโกหกครั้งนี้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งแหล่งข้อมูลก็ไม่ได้ระบุสาเหตุว่าทำไมธีโอดอร์ถึงได้เลือกเอาตัวคุณนายท็อตแน่ม และบ้านของเธอเป็นเป้าหมายในการสร้างความวุ่นวายครั้งนั้น แต่ที่แน่ ๆ คือ ทั้งธีโอดอร์ และแซมมวล ต่างก็ซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างจากบ้านเป้าหมายนัก เพราะอย่างน้อยคนทั้งคู่ก็ต้องการมองให้เห็นกับตาว่า เรื่องที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นได้รับความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
เมื่อถึงเวลา 9 โมง ของวันที่ 10 พ.ย. ค.ค. 1810 สัญญาณแห่งความวุ่นวายก็เกิดขึ้นที่บ้านของคุณนายท็อตแน่ม รวมไปถึงถนนหน้าบ้านของเธอ ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นเรื่องของการจราจรติดขัดจนกลายเป็นการจลาจลไปในเวลาไม่นานนัก
เริ่มประเดิมด้วยการเคาะประตูบ้านของคนส่งถ่านหิน เวลา 9 โมงตรง แต่แล้วเขาก็ได้รับการปฏิเสธจากคุณนายท็อตแน่มที่ทั้งงง และสับสน ก่อนที่จะบอกไปว่าเธอไม่ได้สั่งถ่านหิน ทั้งที่คนส่งถ่านหินยืนยันว่าเขาได้รับจดหมายจากเธอ ลงวันเวลา และบ้านเลขที่เอาไว้เรียบร้อย แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธเขาไป ซึ่งเขาก็ยอมจากไปแต่โดยดี ทั้งที่มีอาการหัวเสียอยู่บ้าง และคุณนายท็อตแน่มก็งงอยู่เหมือนกัน แต่ก็เดาว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดหรือการเข้าใจผิด
ถัดไปเป็นคนส่งขนมปังที่มาเคาะประตู และยืนยันว่าได้รับจดหมายจากเธอให้มาส่งขนมปังตามวันเวลาดังกล่าว คุณนายท็อตแน่มก็ปฏิเสธเขาไปอีก และเริ่มคิดว่ามันน่าจะมีอะไรแปลก ๆ อยู่บ้าง เพราะมีคนมาส่งของให้เธอทั้งที่เธอไม่ได้สั่ง
จากนั้นก็มีพ่อค้าอีกหลายรายที่ตรงมาที่บ้านของเธอ และยืนยันกันหนักแน่นว่าต่างก็ได้รับจดหมายสั่งซื้อสินค้าจากเธอ แถมยังยื่นจดหมายให้ดูเป็นหลักฐานอีกด้วย และนั่นทำให้เกิดความโกลาหลมากขึ้นทุกที เพราะแม้เจ้าของบ้านจะยืนยันว่าไม่ได้ส่งจดหมายใด ๆ ไปสั่งซื้อสินค้าทั้งสิ้น แต่พ่อค้าก็ยังคงโต้แย้งและยืนยันจากจดหมายสั่งซื้อที่มีอยู่ จนกลายเป็นความวุ่นวายไปทั่ว
ขณะนั้นคงเป็นทั้งเรื่องเครียด ทั้งสับสนไปหมดที่มีพ่อค้าเฟอร์นิเจอร์แบกเฟอร์นิเจอร์มากองไว้หน้าบ้าน ไหนยังจะมีพ่อค้าเครื่องดนตรีที่ขนสินค้ามาเต็มคันรถ ถัดไปก็เป็นพ่อค้าขายดอกไม้นานาพันธุ์ พ้อค้าขายปลา พ่อค้าผัดสด คนทำขนมเค้กวันแต่งงาน รวมถึงคนผลิตเบียร์สดที่รอส่งสินค้าให้กับเธอ แล้วยังมีพ่อค้าอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่ทยอยมากันเต็มถนนหน้าบ้านของคุณนายท็อตแน่ม
พ่อค้าหรือคนส่งของแต่ละรายนั้นไม่ได้มากันตัวเปล่า ๆ แต่ยังนำเอาสินค้าของตนแบกใส่รถบรรทุกในยุคนั้น ซึ่งก็คือรถม้าที่มีแคร่บรรทุกของมากันทุกราย ดังนั้นภาพของความโกลาหลจึงชัดเจนขึ้นทุกที ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทบกระทั่งกันระหว่างพ่อค้าส่งของด้วยกันที่ต้องเบียดเสียดกันอยู่บนถนน ทั้งยังต้องขนถ่ายสินค้าเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างหน้าบ้านของคุณนายท็อตแน่มและรถสินค้าของตนไปมาเนื่องจากถูกปฏิเสธจากเจ้าของบ้านด้วยอารมณ์ที่บูดมากขึ้นทุกที ๆ เพราะทุกฝ่ายต่างก็มีอารมณ์โกรธ สับสน และมึนงงไปหมดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหน้าบ้านของคุณนายท็อตแน่ม
สำหรับผู้คนที่ต้องสัญจรไปมาบนถนนเส้นนั้นต่างก็กระทบกระทั่งกับพ่อค้าทั้งหลายรวมทั้งกระทบกระทั่งกันเอง เนื่องจากพื้นที่เดินทางก็หดเล็กลงไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนพ่อค้าที่มุ่งหน้ามาที่บ้านของคุณนายท็อตแน่ม จากสิบเป็นร้อย และหลาย ๆ ร้อย กระทั่งเป็นพัน ตามจำนวนจุดหมายที่ถูกส่งออกไปโดยที่เจ้าของบ้านไม่ได้รู้เรื่องเลย
ครั้นสาย ๆ บรรดาบุคคลชั้นสูงก็เริ่มปรากฏตัวให้เห็น เป็นต้นว่า ผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ ก็มาหาคุณนายท็อตแน่มถึงที่บ้าน หลังจากที่ได้รับจดหมายแจ้งว่าเธอมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะบริจาคเงินก้อนโตให้กับทางธนาคาร ถัดมาเป็นท่านสังฆราชาของแคนเตอเบอรี่ ที่มุ่งหน้าจะมาคุยกับคุณนายท็อตแน่มที่กำลังสับสนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีนักธุรกิจระดับประเทศ รัฐมลตรีในรัฐสภา กระทั่งท่านดยุคคนสำคัญ ปิดท้ายด้วยนายกรัฐมนตรีของกรุงลอนดอนที่มาบ้านคุณนายท็อตแน่มด้วย และบุคคลวีไอพีดังกล่าวไม่ได้มาตามลำพัง แต่มาพร้อมกับผู้ติดตาม สมุน หรือคนรับใช้อีกเป็นจำนวนมาก ยิ่งทำให้ความวุ่นวายหน้าบ้านคุณนายท็อตแน่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การกระทบกระทั่งนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา ท่ามกลางการจราจรที่แทบไม่มีการขยับเขยื้อน มองไปมุมไหนก็มีแต่คนหน้าบึ้งใส่กัน จะถอยกลับก็ไม่ได้ เพราะไม่มีช่องทางแม้แต่จะให้ขยับไปไหนได้ กล่าวกันว่าในบริเวณนั้นถึงกับมีฝุ่นตลบขึ้นตั้งแต่เช้าจดเย็น พร้อม ๆ กับความวุ่นวายจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพหัวเสีย มึนงง โกรธแค้น และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ถูกหลอกลวงมาที่แห่งนี้ที่เดียว
กว่าเหตุการจะคลี่คลายลงได้ก็ล่วงเข้าช่วงเย็ย พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฝุ่นที่เคยตลบอบอวนก็จางหายไปพร้อมกัยแสงสุดท้าของดวงตะวัน เสียงอึกทึกครึกโครมตลอดทั้งวันก็จางหายไปด้วยหลังจากผู้ชุมนุมรายสุดท้ายกลับไป ในความมืด ธีโอดอร์ และแซมมวล โผล่ออกจากที่หลบซ่อนที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ตลอดทั้งวัน พวกเขาจับมือกันอย่างชื่นชมกับสิ่งที่เกิดขึ้น และแน่นอนว่ามันเป็นการบอกผลของการพนันด้วย
นั่นหมายความว่าธีโอดอร์ชนะพนัน เขาทำสำเร็จในการทำให้บ้านหลังหนึ่งในลอนดอนกลายเป็นบ้านที่ต้องจดจำและเป็นที่กล่าวถึงตลอดไปได้ภายในเวลาแค่สัปดาห์เดียว ด้วยวิธีที่น่าทึ่งดังที่กล่าวมาแล้ว
เป็นที่น่าประหลาดใจ ที่นับจากวันนั้น ทั้ง ๆ ที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันไม่ได้หยุดสมตามเจตนารมณ์ของธีโอดอร์และแซมมวล และเป็นเรืองที่มีการเปิดเผยออกมาแล้ว แต่ทางการอังกฤษกลับไม่ลงโทษทั้งสองคนอย่างใด
แน่นอนที่สุด เรื่องนี้กลายเป็นตำนานโกหกครั้งสำคัญของอังกฤษ และทำให้คนยังพูดถึงมันอยู่เสมอแม้เวลาจะผ่านมานานเกือบสองร้อยปีแล้วก็ตาม จึงถือได้ว่าเป็น “การโกหกข้ามศตวรรษแห่งความทรงจำโดยแท้”

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites