วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันฮัลโลวีน

 ฮัลโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมของ ทุกปี วันนี้ ถ้าให้ตั้งชื่อเป็นภาษาไทย น่าจะเป็น “วันปล่อยผี” หรือไม่ก็ “วันป่าช้าแตก” คงจะเหมาะ
วันนี้ ในสหรัฐอเมริกา เราจะเห็นแต่ผี (คนแต่งตัวเป็นผี) มากมายหลายร้อยจำพวก เดินอาละวาดกันเต็มเมืองไปหมด ผีเหล่านี้มักไม่มาเดี่ยว จะมาเป็นกลุ่ม มากบ้าง น้อยบ้าง แต่ไม่น่ากลัว พอตกตอนเย็นๆ พวกผีตัวเล็กๆ ก็มักจะเที่ยวเคาะประตูชาวบ้าน ร้องแต่ว่า “ทริก ออร์ ทรีตๆๆ (trick or treat)” หรือ “หลอกแหลกแล้วแจกขนม” เจ้าของบ้านแต่ละบ้านก็เหมือน จะรู้ใจผีอยู่แล้ว เตรียมขนมจำพวกคุกกี้ ทอฟฟี่ ช็อกโกแลต หรือเศษเงินไว้ให้ พอผีมาเคาะประตู ก็จะได้รับแจกขนมหรือสิ่งของ แล้วผีก็จะยอมจากไปด้วยดี ว่ากันว่าเจ้าของบ้านหลังใดขี้เหนียว ไม่ยอมทำบุญกับผี อาจถูกผีแกล้งเอาได้ ตอนกลางคืนผีจะมาชุมนุมกันจัดปาร์ตี้ผี จะได้ยินเสียงผีร้องวี้ด...วี้ด และสรวลเสเฮฮา เป็นที่น่าสนุกสนานกันจนค่ำคื  
วันนี้ ถือเป็นวันที่สนุกสนานมากวันหนึ่ง บางเมืองอาจจัดงานฉลองใหญ่โต บางทีมีขบวนพาเหรด ตามโรงเรียน สถานที่ราชการ ห้างร้าน บริษัท นิยมจัดงานรื่นเริงกันตอนกลางวัน มีการ ร่วมรับประทานอาหาร เล่นเกม และประกวดการแต่งกายแฟนซี บางทีนิยมเล่นกันตอนเย็นๆ กับเพื่อนบ้าน งานรื่นเริงวันนี้ทุกคนนิยมแต่งกายให้เป็นผีประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว มีการเขียนหน้าตา ใส่หน้ากากที่แต่งเป็นประเภทอื่นๆ ไม่ใช่ผีก็มีบ้าง แต่เป็นจำนวนน้อย ท่านที่เคยชมภาพยนตร์ เรื่อง อีที (ET) คงจะจำกันได้ถึงฉากวันฮัลโลวีน ที่อีทีออกเที่ยวตระเวนกับเด็ก
เทศกาลฮัลโลวีนมีความเป็นมาอย่างไร ทำไมจึงต้องแต่งตัวเป็นผี วันฮัลโลวีนเป็นเทศกาลที่เก่าแก่มากที่สุดวันหนึ่ง มีจุดเริ่มต้นมาจากงานเทศกาล แซมเฮน (Samhain) ของชาวเซลท์ (Celts) ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองไอร์แลนด์ เมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว
ชาวเซลท์จะฉลองวันปีใหม่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ถือว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูเก็บเกี่ยว พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ และจะเริ่มต้นฤดูหนาวและกลางคืนที่ยาวนาน เซลท์เชื่อว่าก่อนวันขึ้น ปีใหม่หนึ่งวัน คือวันที่ 31 ตุลาคมนี้ โลกของคนเป็นกับโลกของคนตายจะมาซ้อนกันบางส่วน ดังนั้น วันนี้ คนที่ตายแล้วอาจจะเดินมาปะปนกับคนที่ยังมีชีวิต หรือวิญญาณของคนที่ตายแล้วอาจจะ กลับไปบ้าน ไปหาครอบครัว หรือไปในที่ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาแก่คนเป็น คือก่อความตระหนกตกใจ หรืออาจทำลายชีวิตทรัพย์สิน เขาจึงต้องประกอบพิธีแซมเฮนนี้ขึ้น 
เพื่อคุ้มครองพวกเขาให้รอดพ้นจากภูตผีปิศาจทั้งหลายดังกล่าว ตั้งแต่คริสต์ศักราชที่ 43 โรมันได้เข้าครอบครองดินแดนของชาวเซลท์อยู่ ประมาณกว่า 400 ปี ชาวโรมันเองก็เลยร่วมฉลองเทศกาลแซมเฮนของชาวเซลท์ไปด้วย และได้ผสมผสานประเพณีต่างๆ ของตนเข้าด้วยกัน
ต่อมา ในสมัยที่คริสเตียนเรืองอำนาจ สันตะปาปา โบนิเฟซ ที่ 4 ได้ถือเอาวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันฉลองนักบุญ (All Saint's Day) ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ออล ฮัลโลเมสส์ All Hallowmesse (แปลว่าฉลอง นักบุญเหมือนกัน)

ดังนั้น ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน คือวันที่ 31 ตุลาคม จึงถือเป็นวัน All Hallow Eve ซึ่งถ้าออกเสียงเร็วๆ จะเป็น ฮัลโลวีน (Halloween) ก็เลยเรียกวันที่ 31 ตุลาคมว่า วันฮัลโลวีนตั้งแต่นั้นมา ส่วนประเพณีการแต่งกายเลียนแบบผี มีพื้นฐานมาจากความเชื่อเดิมของชาวเซลท์ที่ว่า ในวันนี้เวลาที่คนออกจากบ้าน อาจต้องเจอะเจอ กับผี ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจจะเกิดขึ้น คนจึงแต่งตัวให้เหมือนผี เพื่อผีจะได้ไม่ทำร้ายเพราะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน แต่ปัจจุบันการแต่งกาย ในเทศกาลนี้ก็มีผิดเพี้ยนไปบ้าง คือ ไม่แต่งเป็นผีอย่างเดียว อาจแต่งเป็นแม่มด สัตว์ประหลาด นางฟ้า นักบุญ หรืออื่นๆ ด้วย
สำหรับประเพณีการเล่นก็เช่นกัน มีที่เพิ่ม เติมเข้ามาคือ ประเพณีการเล่นทริก ออร์ ทรีต (การเที่ยวเคาะประตูเพื่อนบ้านเพื่อขอขนม) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบเล่นกันทั่วไป โดยเฉพาะเด็กๆ การเล่นแบบนี้สันนิษฐาน ว่า มาจากความเชื่อที่ว่า วันนี้คนตายอาจจะเดินปะปนกัน ดังนั้น ผู้คนจึงมักจะประกอบอาหารและนำมาตั้งทิ้งไว้นอกบ้าน โดยมีจุดประสงค์ให้ผีหรือวิญญาณต่างๆ ที่อาจผ่านมาและหิวได้กินอาหาร และจะได้ไม่เข้ามารบกวนในบ้านนั่นเอง
สัญลักษณ์ของฮัลโลวีนมีมากมายหลายแบบ ส่วนใหญ่ออกแนวความ คิดเป็นพวกผีต่างๆ เป็นแม่มดขี่ไม้กวาด ปัจจุบัน เพิ่มเติมเป็นตัวการ์ตูนผีน้อยแคสเปอร์ เข้าไปด้วย นอกจากประเภท ผี 500 จำพวกแล้ว สัญ-ลักษณ์ที่นิยมแพร่หลายมากในอเมริกาคือ ฟักทอง ที่แกะเป็นหน้าคน (หรือหน้าผี) ยิ้มเห็นฟันหักๆ ที่ชาวอเมริกันนิยมตั้งประดับหน้าบ้านช่วงเทศกาลนี้ พอตกคํ่าก็จุดเทียน ข้างใน เห็นวอบๆ แวบๆ ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว
ชาวยุโรปเองก็ใช้สัญลักษณ์นี้กับงานฮัลโลวีนมานานแล้ว แต่ใช้พวกมันฝรั่ง หัวบีท หรือหัวผักกาด เรียกกันว่า ตะเกียงของแจ๊ค (Jack O'Lantern) แต่เมื่อพวกนี้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในอเมริกา ได้ใช้ผลฟักทองแทน เพราะฟักทองเป็นผลไม้ประจำถิ่น หาได้ง่าย ผลใหญ่ และสีสวยกว่า


เรื่องตะเกียงของแจ๊คนี้มีตำนานมาจากเทพ นิยายของชาวไอริชว่า ชายคนหนึ่งมีนามว่า แจ๊ค สมญา จอมขี้ตืดและเจ้าเล่ห์แสนกล วันหนึ่งเขาเชิญผีตนหนึ่งมาร่วมดื่มด้วย เมื่อดื่มเสร็จแล้ว แจ๊คเกิดเสีย ดายเงิน ไม่อยากจะจ่ายค่าเหล้า จึงออกอุบายให้ผีตนนั้นแปลงกายเป็นเหรียญให้ตนดู (เพื่อตนจะได้นำไปจ่ายค่าเหล้า) ผีตนนั้นหลงกล แปลงกายตามที่แจ๊คบอก แจ๊คก็รีบเก็บเหรียญนั้นเข้ากระเป๋าทันที แล้วเอาไม้กางเขนใส่กระเป๋าทับไว้อีกที เพื่อไม่ให้ผีแปลงกายกลับดังเดิมได้ ผีเมื่อรู้ว่าเสียที ได้ขอร้องให้แจ๊คปล่อยตนออกมา แต่แจ๊คไม่ยอมปล่อยต่อเมื่อผีได้ให้สัญญาว่า จะจ่ายค่าเหล้าและไม่เอาโทษ แจ๊คจึงได้ยินยอมให้อิสรภาพไป แต่ผีตนนั้นก็มิได้เข็ดหลาบ ยังคบหาเป็นเพื่อนกับแจ๊คต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง แจ๊คก็ออกอุบายขอให้ผีตนนั้นปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อเก็บผลไม้ ให้แก่ตนอีก ผีใจดีก็ทำให้ ขณะที่ผีกำลังเก็บผลไม้อยู่นั้น แจ๊คก็เอาไม้กางเขนไปติดที่ต้นไม้ อีก ทำให้ผีไม่สามารถลงจากต้นไม้ได้ ต้อง อ้อนวอนกันอยู่นาน ในที่สุด แจ๊คก็ขอให้ผีสัญญาว่า จะไม่โกรธเคือง เอาโทษ และแม้เมื่อแจ๊คตายเป็นผีไปแล้ว ก็จะไม่มาคิดบัญชีย้อนหลังด้วย ผีไม่มีหนทางเลือกจึงต้องยอมตกลง และตั้งแต่นั้นมา ผีตัวนั้นก็เกลียดชัง ไม่มายุ่งเกี่ยวกับอ้ายตัวร้ายแจ๊คนี้อีกเลย
จนกระทั่งหลายปีต่อมา เมื่อแจ๊คสิ้นชีวิตลง เทวดาไม่ยินยอมให้แจ๊คขึ้นสวรรค์ เพราะไม่มีคุณสมบัติดี พอที่จะอยู่ในสวรรค์ที่แสนสุขได้ ในขณะเดียวกัน ผีก็ยังเจ็บแค้นไม่ยอมให้แจ๊คลงนรก แจ๊คจึงไม่มีที่อยู่ ถูกปล่อยให้ระเหเรร่อนตระเวนอยู่กับความมืดและความหนาวเหน็บชั่วกัลปาวสาน มีแต่เพียงถ่านหิน ที่ติดไฟแล้วก้อนเล็กๆ ก้อนเดียวเท่านั้นไว้เป็นเครื่องนำทาง แจ๊คเอาถ่านหินก้อนนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาด กลมที่แกะเอาเนื้อในออกบางส่วน และถือไปเหมือนไฟส่องทาง ได้รับความหนาวเย็นและ ทรมานแสนสาหัส และนี่คือเรื่องราวที่มาของตะเกียง หรือโคมไฟของแจ๊ค 

ในไอร์แลนด์ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของเทศ-กาลฮัลโลวีน ก็ยังมีการฉลองวันสำคัญนี้อยู่ โดย เฉพาะในต่างจังหวัดยัง มีประเพณีการก่อไฟกองใหญ่กันอยู่บ้าง มีการจัดงานรื่นเริงเหมือนเดิม และยังเล่นเกมโบราณๆกันอยู่บ้าง เช่น เกมแข่งกันกัดลูกแอปเปิ้ลที่แขวน ไว้ เกมหาสมบัติ (ผู้ใหญ่ เอาขนมหรือของขวัญไปซ่อนไว้ และให้เด็กๆไปเที่ยวค้นหา) เกมเลือกไพ่ (เอาทอฟฟี่ หรือเงินซ่อนไว้ใต้ไพ่ ให้เด็ก ๆ เปิด ใครเปิดถูกก็ได้ของนั้นไป)
+ขนมประจำเทศกาลคือ เค้กผลไม้ ซึ่งภายในจะซุกซ่อนของบางอย่างไว้ ของเหล่านี้เป็นการเสี่ยงโชค หรือเป็นเครื่องทำนายทายทักของผู้ที่กินขนมชิ้นนั้น เช่น ใครได้ขนมชิ้นที่มีแหวน หมายถึงจะได้แต่งงาน ในไม่ช้า ใครได้ขนมชิ้นที่มีเศษฟาง หมายถึงจะรํ่ารวย ใครได้ขนมชิ้นที่มีสัญลักษณ์รูปเกือกม้าเล็กๆ หมายถึงโชคดี เป็นต้น
วันฮัลโลวีน แม้จะมีถิ่นกำเนิดในไอร์แลนด์ อังกฤษก็ตาม แต่การเฉลิมฉลองกลับไปแพร่หลายใน สหรัฐอเมริกา นิยมเล่นกันมาก จัดงานกันสนุกสนาน เอิกเกริก นับว่าเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญ ของปีเลยทีเดียว ว่ากันว่า สหรัฐอเมริกามีการใช้จ่ายเงินกันในเทศกาลนี้ (วันเดียว) ถึงประมาณปีละ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯทีเดียว 

ที่มา:http://www.oknation.net/blog/print.php?id=145675

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites